Instants 101 : ฉันจะเป็นนักรีวิวลูกรัก

ในยุคสมัยนี้ที่ใคร ๆ ก็สามารถผันตัวมาเป็นนักรีวิว ผันตัวมาเป็น influencer ได้ เรียกได้ว่าเป็นอาชีพที่การแข่งขันสูง ผู้ว่าจ้างหรือที่เราเรียกกันว่าเอเจนซี่และลูกค้าต่างก็มีตัวเลือกเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด 

แล้วต้องเป็นนักรีวิวแบบไหนที่เอเจนซี่และลูกค้าจะรัก จะเลือกใช้งานอยู่เสมอนะ? 

วันนี้เราจะเขียนถึง 6 หัวข้อ นักรีวิวแบบไหนที่เอเจนซี่และลูกค้าจะรัก ลองทำตามแบบนี้รับรองเอเจนรวมไปถึงลูกค้ารักเรา หลงเรา งานผ่านฉลุย และกลับมาเรียกใช้งานเราซ้ำเรื่อย ๆ แน่นอน

อย่างแรก เราจะต้องอ่านบรีฟให้ดี เข้าใจวัตถุประสงค์ของแคมเปญ อ่านรายละเอียดสินค้าและบริการให้ทะลุปรุโปร่ง เข้าใจสิ่งที่ลูกค้าต้องการจะสื่อถึงกลุ่มเป้าหมาย สิ่งเหล่านี้จะเป็นข้อมูลพื้นฐานเบื้องต้นให้นักรีวิวสามารถนำเอาไปต่อยอดทำคอนเทนต์ออกมาปัง ถูกใจลูกค้าได้แน่นอน 

อย่างที่สอง คอนเทนต์ของเราต้องมีความคิดสร้างสรรค์ เฉพาะตัว ไม่ซ้ำจำเจ ไม่เหมือนคนอื่น อย่างที่บอกไปว่านักรีวิวในปัจจุบันมีเยอะมากมายเต็มไปหมด เราลองมองในมุมของลูกค้า ว่าเราจะเลือกทำงานกับนักรีวิวคนหนึ่งด้วยเหตุผลอะไร เชื่อว่าหนึ่งในเหตุผลหลัก ๆ ที่ใช้เลือกนักรีวิวเข้ามาทำงานด้วย คือการที่นักรีวิวมีคอนเทนต์ที่โดดเด่น ไม่ซ้ำกับใคร นี่คือหนึ่งเหตุผลหลัก ๆ ที่ลูกค้าจะเลือกเรามาทำงานด้วย เมื่อคอนเทนต์ของเราโดดเด่น สินค้าก็มีความน่าสนใจ ใคร ๆ ก็อยากซื้อตาม 

อย่างที่สาม งานรีวิวมีความน่าเชื่อถือ รีวิวให้ปัง ใช้ให้เนียน หนึ่งอย่างที่เวลาคนอ่านและดูรีวิวสามารถตัดสินใจซื้อตามได้ จากความน่าเชื่อถือ ถ้าเราใช้สินค้าและบริการแบบผ่าน ๆ ไม่ได้ตั้งใจจริง เชื่อเถอะว่าคนเค้าดูออกกันแน่นอน ในยุคโลกาภิวัฒน์การศึกษาทั่วถึง ชาวเน็ตมีวิจารณญาณ มีภูมิคุ้มกันพอสมควร หากเราไม่ได้รีวิวด้วยความจริงใจและตั้งใจจริง รับรองว่าความน่าเชื่อถือของงานเราก็จะน้อย ลูกค้าก็จะเบือนหน้าหนีตามนั่นเอง 

อย่างที่สี่ งานรีวิวที่ดี ลูกค้ารักจะต้องมีคุณภาพ ทั้งในแง่ของการทำงานตั้งแต่เริ่มต้น ระหว่างทาง ไปจนถึงผลลัพธ์ที่ออกมา นักรีวิวจะต้องมีการติดต่อสื่อสารกับเอเจนซี่หรือลูกค้าตลอดเวลา เพื่อให้งานที่ได้ออกมามีคุณภาพที่สุด ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่เริ่มตกลงงานรีวิว ก็จะต้องมีการเขียนสัญญา อ่านบรีฟ อ่านรายละเอียดสินค้าและบริการ และลูกค้าจะรักเรามาก หากเราสามารถเขียนเป็น Story หรือภาพรวมคร่าว ๆ ของงานรีวิวของเราออกมาให้ลูกค้าเห็นภาพตามไปด้วยก่อน แล้วค่อยลงมือถ่ายทำรีวิวจริง เป็นต้น 

อย่างที่ห้า หากเกิดปัญหานักรีวิวพร้อมที่จะช่วยเหลือและแก้ไขให้ลูกค้าได้ แน่นอนว่าในการทำงานบางครั้งก็จะต้องมีเรื่องที่ผิดพลาดเกิดขึ้นกันบ้าง ในฐานะนักรีวิว (ลูกรักเอเจนซี่) เราต้องพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ อย่างเช่น สีสินค้าผิดเพี้ยนไป ส่งสินค้าให้ผิด หรือรวมไปถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากตัวนักรีวิวเอง ข้อความผิด วิดีโอสีเพี้ยน รูปยังเห็นโลโก้ไม่ชัด เป็นต้น ปัญหาเหล่านี้เราสามารถร่วมพูดคุยกับเอเจนซี่เพื่อแก้ไขปัญหาได้ เพื่อให้งานออกมาราบรื่นและดีที่สุดเท่าที่เราจะสามารถทำได้

อย่างสุดท้ายอย่างที่หก นักรีวิวจะต้องตรงต่อเวลา เอาจริง ๆ ข้อนี้ค่อนข้างสำคัญที่สุด เพราะเวลาเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก บางแคมเปญลูกค้าต้องการจะปล่อยรีวิวพร้อมกันทุกคน เมื่อนักรีวิวส่งงานช้า ไม่ตรงตามเวลาที่นัดหมายเพียงแค่คนเดียว ก็อาจจะทำให้แคมเปญต้องล่าช้าไปเลยก็ได้ และสิ่งนี้จะทำให้เราไม่น่าร่วมงานอีกต่อไป เอเจนซี่และลูกค้าอาจจะหมายหัว หรือเขียนมาร์คเอาไว้ในฐานข้อมูลว่าเราส่งงานช้า และชวดแคมเปญต่อ ๆ ไป

นักรีวิวในยุคสมัยนี้ใคร ๆ ก็เป็นได้ แต่นักรีวิวแบบไหนที่มักจะถูกเรียกใช้เป็นลูกรักของเอเจนซี่และลูกค้า ลองเอาเทคนิคดี ๆ 6 ข้อนี้ไปปรับใช้กัน รับรองว่าไม่ว่าจะมีแคมเปญน้อยใหญ่ เร่งด่วนแค่ไหน เอเจนซี่จะต้องนึกถึงเราก่อน อยากร่วมงานกับเราอย่างแน่นอน